1.) ปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น
การปรับเวลานอนของเราให้เร็วขึ้น ก็จะสามารถทำให้เราตื่นเร็วขึ้นได้ คนเราควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง แต่การปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นนั้น ก็ไม่ควรฝืนปรับให้เร็วจนเกินไป ควรจะคอยๆปรับเวลาไป ช่วงแรกๆอาจจะยังทำไม่ค่อยได้ ลองนอนหรือตื่นให้เร็วขึ้นประมาณ 10 – 15 นาที ทุก ๆ วัน แล้วร่างกายจะจดจำได้เองว่าควรนอนหรือควรตื่นนอนกี่โมง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆแล้วร่างกายของเราก็จะสามารถปรับตัวได้เอง
2.) ลดกิจกรรมก่อนนอนให้น้อยลง
ปัญหาที่ทำให้เราไม่สามารถนอนเร็วได้ คือ ความเคยชินในการนอนดึก ดูทีวี หรือเล่นอินเทอร์เน็ตก่อนนอนทุกคืน ปิดไฟนอนแล้วก็ยังเล่นโทรศัพท์อยู่ ถ้าอยากที่จะตื่นเช้ากว่าเดิม เราควรก็ต้องลดกิจกรรมต่างๆให้น้อยลง ไม่จำเป็นจะต้องลดให้น้อยลงทั้งหมด อาจจะจัดเวลา จัดระเบียบในการทำกิจกรรมต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือต้องจัดระเบียบใจการนอน ถ้าสามมารถจัดระเบียบได้ทั้งหมดก็จะสามารถตื่นเช้าได้อย่างสดใส
3.) งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ คนที่ติดถ้าวันไหนไม่ดื่มแล้วจะรู้สึกว่าไม่มีพลังงานในการทำกิจกรรม บางคนต้องบางคนถ้าไม่ดื่มก็จะมีอาการปวดหัว การดื่มชา กาแฟ บางคนก็ดื่มวันละ 2-3 แก้วต่อวัน อาจจะมากเกินกว่าความต้องการของร่างกายของเราได้ คนที่ต้องการนอนเร็ว ควรงดเครื่องดื่มชา กาแฟ แต่ก็สามารถดื่มได้แต่ต้องดื่มคาเฟอีนก่อนเวลานอน อย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพราะถ้าไม่เว้นระยะห่าง อาจจะทำให้เรานอนไม่หลับได้ หรือกว่าจะหลับได้ก็ดึกมากแล้ว ทำให้ไม่สามารถตื่นเช้าได้นั่นเอง
4.) เข้มงวดกับการนอนของตัวเอง
เราควรต้องจะต้องมีระเบียบวินัย สร้างวินัยให้กับตัวเอง หากเราคิดที่จะนอนเร็วแล้วก็ต้องมำให้ได้ เพราะมันก็จะดีต่อสุขภาพของเราเอง และเราตั้งใจว่าจะนอนตอนไหนจะตื่นตอนไหน และพอตื่นขึ้นมาแล้วก็นั้งคิดในสิ่งที่จะทำในวันนี้ อยู่กับตัวเองสักพักเพื่อนให้มีสมาธิ ทำแบบนี้ให้ทุกๆวันจะทำให่อะไรๆมันง่ายขึ้น
5.) สร้างแรงจูงใจในการตื่นนอนเช้า
การสร้างแรงจูงใจในการตื่นนอนตอนเช้า ถ้าเรามีแรงจูงใจก็จะทำให้เราอยากตื่นเช้า สำหรับคนทำงาน แรงจูงใจอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ การได้ไปทำงานแต่เช้า เพราะเราจะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ได้มีเวลาทำกิจกรรมอะไรในแต่ละวันเยอะกว่าคนอื่นๆ การนอนตื่นเช้าจึงเป็นการให้รางวัลกับตัวเอง รางวัลที่เราจะได้รับ คือ ความสดชื่น สดใส เมื่อได้ทำงานเร็วขึ้น งานก็เสร็จเร็วขึ้น มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น และมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นด้วย
6.) ตื่นมากับดอกกุหลาบ
การได้เห็นช่อดอกไม้บานทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ทำให้ผู้หญิงในการศึกษาวิจัยชิ้นใหม่รู้สึกอารมณ์ดี และมีพลังวังชาที่ยาวนานไปตลอดทั้งวัน ดร.แนนซี่ เอทคอฟฟ์ แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดบอก
7.) นึกถึงภาพของวันที่รออยู่
เมื่อตื่นขึ้นหลับตาและนึกภาพตัวเองในภาวะที่ตื่นตัวและมีพลังวังชา 'การนึกภาพกิจกรรมจุดไฟในส่วนเดียวกับสมองที่คุณใช้ เมื่อคุณทำกิจกรรมนั้นจริงๆ' ดร.เดน่า ไลท์แมน นักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมในเมืองอบิงตัน สหรัฐฯ บอกไว้ว่า ' การคิดในแง่บวกถึงวันที่รออยู่ทำให้คุณมีพลังวังชา'
8.) ให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทำให้คุณตื่นตัวมากขึ้น ฉะนั้นอ่านหนังสือพิมพ์ข้างหน้าต่างที่มีแสงส่องถึง หรือก้าวออกไปข้างนอกชั่วครู่เพื่อรับแสงแดดยามเช้า 'แสงแดดให้สัญญาณแก่ร่างกายในการหยุดสร้างเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้คุณง่วงนอน' ดร.เจมส์ บี แมสส์ บอกเขาเป็นศาสตราจารย์และอดีตกรรมการ ของภาควิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มันยังเพิ่มระดับเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้อารมณ์ดีด้วย
9.) นวดหน้า
การนวดหน้ากระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และทำให้รู้สึกตื่นตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านสปาบอกเช่นนั้น เริ่มต้นนวดที่หน้าผากและไล่ลงมาที่คาง โดยใช้การกดหรือตบเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ให้ความหนักและจังหวะที่แตกต่างกันไป จนกระทั่งคุณนวดทั่วไปใบหน้า โบนัสก็คือการทำแบบนี้ทำให้คุณดูเปล่งปลั่งขึ้นด้วย
10.) อย่าชะลอเวลาการปลุก
เวลาที่คุณกดปุ่มนาฬิกาปลุกสมองของคุณจะรู้ว่ามันจะดังขึ้นมาอีก ในสองสามนาทีต่อมาคุณจึงจะไม่หลับลึก ซึ่งเป็นช่วงที่คุณจะได้พักผ่อนมากกว่า นั่นหมายความว่า คุณจะเหนื่อยอ่อนกว่า ที่คุณจะลุกขึ้นมาทันทีที่มันดังครั้งแรกวิธีที่ดีกว่าก็คือ 'ตั้งนาฬิกาปลุกในเวลาที่คุณต้องตื่นจริงๆ' ดร.โจดี้มินเดลล์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการของ Sleep Disorders Center ที่โรงพยาบาลเด็กในฟิลาเดลเฟียบอก 'การได้นอนเพิ่มขึ้น โดยไม่ถูกขัดจังหวะจะทำให้คุณได้พักผ่อนมากกว่าและสดชื่นกว่าเมื่อตื่นขึ้น'